ระบบ วางท่อ น้ำยา
ระบบ วางท่อ | อุปกรณ์วางท่อ |
วิธีการวางท่อ | การเทสท่อ – หัวสปริงเกอร์ |
ปลวก กำลังกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับคนรักบ้านโดยทั่วไป เพราะเมื่อมันเข้าบ้านได้เมื่อไหร่เรื่องจะให้ถอยออกไปนั้นยาก ที่สำคัญมันกินทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไม้ แถมปลวกรุ่นใหม่ยังนิยมกินฉนวนหุ้มสายไฟได้อีก ทำให้บ้านเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ไฟช็อตได้ การกำจัดปลวกจึงกลายเป็นภารกิจสำคัญของผู้อยู่อาศัยไปโดยปริยาย เนื่อง จากการกำจัดปลวกให้หมดไปจากบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วจะฝังตัวอยู่ในเนื้อไม้และใต้พื้นดิน ปัจจุบันจึงมีบริการรับจ้างกำจัดปลวกเกิดขึ้นมากมาย เห็นง่าย ๆ จากป้านประกาศจำนวนมากที่ติดตามเสาไฟฟ้าการเลือกใช้บริการกำจัดปลวกจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตรวจสอบให้รัดกุม เพราะ วิธีการกำจัดปลวกในปัจจุบันจะมีการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และ สิ่งแวดล้อมไปฆ่าทำลายปลวก ที่สำคัญจะต้องทำอย่างระมัดระวังและวิธี เลือกบริษัทไม่ดีบ้านคุณอาจเป็นโกดังเก็บสารอันตราย แถมปลวกไม่ตายและเสียเงินฟรี ๆ ก็ได้
มาตรฐานการบริการกำจัดปลวก
การใช้บริการบริษัทกำจัดปลวกโดยปกติเมื่อมีการตกลงว่าจ้างเรียบร้อย แล้ว บริษัทที่รับงานจะส่งเจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญและเป็นผู้รับผิดชอบมาเพื่อจัดการ ใส่ผงปลวก ตามจุดที่เกิดปัญหาและจุดอื่น ๆ หลังจากยาผงได้ออกฤทธิ์และเกิดผล คือประมาณ 7-15 วัน ทางบริษัทที่รับงานจะทำการนัดกับผู้ว่าจ้างเพื่อขอสำรวจผล และทำการอัดยาสารเคมีที่คงฤทธิ์ยาวนานอยู่ในดินตามจุดต่าง ๆ ของอาคารที่เห็นสมควร เพื่อผลในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากปลวก หลังจากนั้นบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบมาตรวจให้เป็นประจำทุก ๆ เดือนติดต่อกันตลอดระยะเวลาของสัญญา สำหรับเจ้าของบ้านเองหากพบหรือสงสัย สำหรับเจ้าของบ้านเองหากพบหรือสงสัยว่าจะมีปลวกขึ้นมาอีก ควรรีบแจ้งให้บริษัททราบ ซึ่งทางบริษัทจะจัดส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจและจัดการแก้ไขทันทีโดยไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่ม
สารเคมีต้องห้าม
ปัญหาที่น่าห่วงกว่านั้นคือ บริษัทกำจัดปลวกบางรายนำสารเคมีอันตรายเป็นสารต้องห้ามใช้มาใช้ในกระบานการ กำจัดปลวกให้กับลูกค้าของตน โดยไม่สนใจหรือห่วงใยว่าสารเคมีอันตรายที่นำมาใช้จะตกค้างอยู่ในครัวเรือน และก่อให้เกิดพิษแก่ผู้บริโภค จากการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่าผู้ประกอบการรับจ้างกำจัดแมลงในบ้านเรือนบางราย มีการนำเอาสารเคมีต้องห้ามใช้ในการให้บริการกับลูกค้า สารเคมีดังกล่าว ได้แก่ อัลดริน (ALDRIN), อาร์เซนิค ไตรออกไซด์ (ARSENIC TRIOXIDE) , คลอเดน (CHLORDANE),ดีดีที ( DDT) ,ดิลดริน (DIELDEIN) และ เฮพตาคลอร์ (HEPTACHLOR) เพราะสารเคมีทั้ง 6 ชนิดนี้ อาจก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ได้ นอกจากนี้ยังพบว่า อัลดริน , คลอเดน,ดีดีทีและดิลดริน เป็นสารพิษที่ตกค้างยาวนานในสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาการปนเปื้อนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารอีกด้วย สารเคมีทั้ง 6 ชนิดนี้ กฎหมายกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ซึ่งถือเป็นกลุ่มสารเคมีที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตเป็นอย่างยิ่ง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการที่เด็ดขาดในการ ห้ามผลิตนำเข้า จำหน่าย ใช้ หรือครอบครอง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และนอกจากสารเคมีทั้ง 6 ชนิดดังกล่าวแล้วยังมีสารเคมีอีกเกือบ 20 รายชื่อที่อยู่ในบัญชีของสารเคมีต้องห้ามในการนำมาใช้กำจัดแมลง ดังนั้นผู้บริโภคควรตรวจสอบว่าผู้ให้บริการกำจัดปลวกแมลงมีการใช้สารเคมี เหล่านี้หรือไม่ ถ้ามีควรเลิกใช้บริการบริษัทกำจัดปลวกแมลงนั้นทันทีและรีบแจ้งให้หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องได้ทราบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การเลือกบริษัทกำจัดปลวกอย่างไร
- สอบถามก่อนว่าจะใช้สารเคมีหรือวัตถุอันตรายชนิดใดในการกำจัดหรือป้องกันปลวก
- ขอหลักฐานจากผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบว่าสารเคมีนั้น ๆ ผู้ให้บริการได้รับอนุญาตจากสำนักงาน
- คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ครอบครองหรือไม่ 3. ตรวจสอบดูว่าใบอนุญาตมีรายละเอียดเหล่านี้หรือไม่ คือ ชื่อ ที่ตั้งของผู้ให้บริการ ชื่อวัตถุอันตรายและเลขทะเบียนวัตถุอันตรายที่ได้รับอนุญาตให้นำไปใช้ในการ ให้บริการ และต้องขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้วเท่านั้น
- บริษัทกำจัดปลวกหรือแมลงที่ดีจะต้องจัดทำสัญญาในการให้บริการแก่ลูกค้าเป็น ลายลักษณ์อักษร โดยแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุอันตรายที่ใช้ รวมทั้งอาการเกิดพิษวิธีแก้พิษ และคำเตือน
- เมื่อบริษัทมาให้บริการในแต่ละครั้ง ควรตรวจสอบฉลากที่ภาชนะบรรจุวัตถุอันตรายหรือสารเคมีด้วยว่า ตรงตามที่ได้รับอนุญาตและตรงกับวัตถุประสงค์การใช้หรือไม่